ป้องกันโรคไตวายได้อย่างไร
ความผิดปกติของไต หรือพยาธิสภาพที่เกิดบริเวณไต นำไปสู่การเกิดโรคไต ที่พบมาก ได้แก่
1. โรคไตวายฉับพลันจากเหตุต่างๆ
2.โรคไตวายเรื้อรังเกิดตามหลังโรคเบาหวาน โรคไตอักเสบ หรือโรคความดันโลหิตสูง
3. โรคไตอักเสบเนโฟรติก
4. โรคไตอักเสบจากภาวะภูมิคุ้มกันสับสน (โรค เอส.แอล.อี.)
5.โรคติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
6.โรคถุงน้ำที่ไต (Polycystic Kidney Disease)
7.โรคไตวาย มี 2 ระยะ คือ โรคไตวายแบบเฉียบพลัน ซึ่งไตวายชั่วคราว สามารถฟื้นกลับมา ทำหน้าที่ได้อีก หายเป็นปกติได้ และโรคไตวายแบบเรื้อรัง ที่การทำงานของไตเสียอย่างถาวร ไม่สามารถทำหน้าที่ได้อีกแล้ว
โรคไตและวิธีการดูแลรักษา
วิธีการดูแลรักษาโรคไต อาจแบ่งได้เป็น 4 วิธี คือ1. การตรวจค้นหา และการวินิจฉัย โรคไตที่เหมาะสม : ผู้ป่วยซึ่งได้รับการตรวจค้นหา หรือวินิจฉัยโรค ที่ถูกต้องตั้งแต่ในระยะแรกๆ ของโรค ย่อมมีโอกาสได้รับผลการรักษา ที่ดีกว่าผู้ป่วย ซึ่งได้รับการวินิจฉัยล่าช้า ดังนั้น การตรวจค้นหาและวินิจฉัยโรค จึงนับเป็นหัวใจสำคัญอย่างหนึ่ง ของกระบวนการรักษา
2. การรักษาที่สาเหตุของโรคไต เช่น การรักษานิ่วไต การหยุดยาที่เป็นพิษต่อไต การควบคุมโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ให้ดีอย่างสม่ำเสมอ การใช้ยาที่เหมาะสม กับโรคเนื้อไตอักเสบแต่ละชนิด เป็นต้น
3. การรักษาเพื่อชะลอ ความเสื่อมของไต ซึ่งแพทย์จะรักษาสาเหตุของโรคไตแล้ว แต่ผู้ป่วยจำนวนมาก อาจมีการทำงานของไต ที่เสื่อมลงกว่าปกติ ทั้งนี้ เรื่องจากเนื้อไตบางส่วนถูกทำลายไป ไตส่วนที่ดีซึ่งเหลืออยู่ อาจจะต้องทำงานหนักขึ้น ทำให้ไตเสื่อมการทำงานมากขึ้น ตามระยะเวลา และมักเกิดไตวายในที่สุด การรักษาที่สำคัญในระยะนี้ คือ การรักษา เพื่อมุ่งชะลอการเสื่อมของไต อันได้แก่ การควบคุมอาหารให้เหมาะ กับการทำงานของไตที่เหลืออยู่ การใช้ยาเพื่อช่วยปรับสารต่างๆ ที่เป็นพิษต่อไต การควบคุมความดันโลหิตให้ดี เป็นต้น
4. การรักษาทดแทน การทำงานของไต (การล้างไต และการผ่าตัดปลูกถ่ายไต) : เมื่อไตวายมากขึ้น จนเข้าระยะสุดท้าย ผู้ป่วยที่เหมาะสมกลุ่มหนึ่ง จะได้รับการรักษาด้วยการล้างไต หรือการผ่าตัดปลูกถ่ายไต
ไตวายมีอาการอย่างไร
ไตวายเกิดจากการมีของเสียคั่งในเลือด ส่วนใหญ่เป็นของเสียจากการใช้พลังงานของร่างกาย โดยเฉพาะสารยูเรีย (Urea สารประกอบอินทรีย์เคมีในกลุ่มของไนโตรเจน ซึ่งมักเป็นสารปลายทางจากการใช้พลังงานจากโปรตีน) ซึ่งเรียก ภาวะมีของเสียคั่งนี้ว่า ยูรีเมีย หรือ ยูเรเมีย (Uremia) เป็นอาการที่พบได้บ่อย คือ
1. คลื่นไส้ อาจอาเจียน เบื่ออาหาร ผอมลง/น้ำหนักลด
2. นอนไม่หลับ
3. ผิวหนังดำคล้ำ จากของเสียเป็นสาเหตุให้เกิดสารให้สีของผิวหนังเปลี่ยนแปลง
4. ท้องเสีย
5. ปัสสาวะบ่อย โดยปริมาณปัสสาวะในแต่ละครั้งอาจมากโดยสีปัสสาวะจะใสใกล้สีของน้ำ หรืออาจปัสสาวะน้อยครั้งมาก หรือไม่มีปัสสาวะ และแต่ละครั้งปริมาณปัสสาวะจะน้อยมาก โดยสีปัสสาวะจะเข้มมากขึ้น
6. คันตามเนื้อตัว จากของเสียที่คั่งก่อการระคายเคืองต่อผิวหนัง
7. เป็นตะคริวบ่อย กล้ามเนื้ออ่อนแรง
8. หัวใจเต้นผิดปกติ หายใจหอบเหนื่อย (หายใจลำบาก)
9. บวมตามตัว โดยเฉพาะรอบดวงตา ขาและเท้า
10. ซีด และอาการจากภาวะซีด เช่น เหนื่อยง่าย วิงเวียน เป็นลมง่าย ขาดสมาธิ
11. เลือดออกตามอวัยวะต่างๆได้ง่าย มีจ้ำห้อเลือดตามเนื้อตัว
12. ปวดหลัง หรือปวดเอวในตำแหน่งของไตทั้ง 2 ข้าง
13. ความดันโลหิตต่ำ
14. มีโปรตีนปนในปัสสาวะ และอาจปัสสาวะเป็นเลือด
15. สับสน อาจชัก
16. โคมา และเสียชีวิตในที่สุด
ไตวายขั้นรุนแรงเกิดขึ้นเมื่อไหร่
ปริมาณและราคา 1 ขวดบรรจุ 60 แคปซูล ราคา 900 บาท
อย. เลขที่ 13-1-02950-1-0036
สั่งสินค้าคลิกที่นี้
ดูข้อมูลที่ http://pujingtunsaibua.blogspot.com
สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่ายที่
คุณ สายบัว บุญหมื่น
โทร.088 415 3926
ID Line : bua300908
อีเมล์ sboonmuen@gmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น